
การดื่มน้ำผักผลไม้ให้ได้ประโยชน์เต็ม100%
1. ช่วงเวลาในการดื่ม
จริงๆแล้วเราสามารถ ดื่มน้ำผักผลไม้ ได้ในแทบทุกช่วงเวลา เช่น ถ้าเราดื่มน้ำผักผลไม้ ในช่วงเช้า น้ำผักและผลไม้จะมีส่วนช่วยให้เราขับถ่ายสะดวกขึ้น และยังเป็นการล้างของเสียในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง แต่ถ้าเราดื่มน้ำผักผลไม้ช่วงบ่ายจะช่วยสร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำตาลในน้ำผักและผลไม้นั่นเอง นอกจากนี้เราจะเห็นบางคนดื่มน้ำผักผลไม้ในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพื่อให้ตนเองรู้สึกหลับสบาย ทั้งนี้ก็ควรเลือกน้ำผักและผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินบีและวิตามินซี ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ร่างกายนอนหลับสบายขึ้น
2. ดื่มทันที่ไม่รีรอ
ภายหลังการคั้นหรือปั่นน้ำผลไม้ควรดื่มน้ำผักผลไม้เลยทันที เนื่องจากวิตามินบางชนิดในผักและผลไม้จะสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนหรือากาศ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเท่าไหร่ คุณค่าของน้ำผักและผลไม้ก็จะลดลงไปเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามิน เกลือแร่ และเอนไซม์ได้อย่างเต็มที่ จึงควรดื่มน้ำผักผลไม้ ทันทีเพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าของวิตามินสูงสุด และไม่ควรแช่ไว้ในตู้เย็นนานเกิน 6ซม. เพราะนอกนจากจะเสียคุณค่าทางวิตามินแล้ว อาจทำให้เกิดแบคทีเรีย เมื่อนำมาดื่มจะทำให้ท้องเสียได้

3. มีไว้เข้ากันได้ทุกเมนู
ในการทำเครื่องดื่มน้ำผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ จะมีผักและผลไม้อยู่ 2ชนิดที่สามารถนำไปผสมกับผักหรือผลไม้อื่นๆ ได้อย่างลงตัวที่สำคัญได้รสชาติที่อร่อยด้วย นั่นคือ แครอทและแอปเปิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเมนูน้ำผักใบเขียวซึ่งมีรสขมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การใส่แอปเปิลหรือแครอทลงไปด้วย จะมีส่วนช่วยทำให้น้ำผักมีรสชาติที่ดื่มได้ง่ายขึ้น หรืออาจจะใส่ขึ้นฉ่ายลงไปเล็กน้อยในการทำเครื่องดื่ม ก็จะช่วยลดกลิ่นเหม็นเขียวของผักได้ดีทีเดียว
4. หวานหอมแต่พอดี
การดื่มน้ำผักและผลไม้ที่ดีนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใส่น้ำตาลหรือเติมน้ำตาลให้น้อยที่่สุด เนื่องจากในผลไม้หลายชนิดมีน้ำตาลธรรมชาติในตัวของมันเองอยู่แล้ว จึงไม่แนะนำให้ใส่น้ำตาลลงไปอีกเพื่อสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มความหวานให้มากขึ้น เราสามารถทดแทนรสหวานได้หลายวิธี เช่น การใส่น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อยหรือการใส่ผลไม้ที่มีรสหวาน แล้วจึงคั้นหรือปั่นรวมกับผักที่เตรียมไว้ เป็นต้น
5. เลือกผักผลไม้สดและปลอดสารพิษ
ควรเลือกผักและผลไม้ตามฤดูที่สดใหม่ และไม่เก็บไว้นานจนเกินไป เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อปริมาณวิตามินและเอนไซม์ฝนผักและผลไม้ชนิดอื่นนั้นๆ ที่สำคัญก่อนนำมาคั้นหรือปั่นต้องทำความสะอาดผักและผลไม้ให้ปราษจากสารเคมีและสิ่งสกปรกอย่างถูกวิธี
6. ไม่ซ้ำซากจำเจ
การเลือกซื้อผักและผลไม้หลายชนิด จะทำให้การทำเครื่องดื่มน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพไม่ซ้ำซากจำเจ และยังได้คุณค่าทางอาหารหลากลายตามไปด้วย ควรเลือกผักผลไม้ที่สดไม่เหี่ยว สิ่งสำคัญคือไม่ควรซื้อกักตุนไว้คราวละมากๆเกินความจำเป็นควรซื้อแต่พอประมาณ และไม่เก็บไว้นานเกิน 1 อาทิตย์ เพื่อให้ผักและผลไม้คงความสดและวิตามินครบถ้วน

7. เสริมทัพวิตามินด้วยธัญพืชและสมุนไพร
การประยุกต์นำเอาธัญพืชและสมุนไตรๆ มาผสมเข้ากับการทำน้ำผักผลไม้ นับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะจะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการได้ด้วย เช่น ลูกเดือน ถั่วเหลือง เม็ดบัว งา ใบบัวบก เก๊กฮวย เป็นต้น
8. ทำเองที่บ้านปลอดภัยกว่า
การลงมือทำน้ำผักผลไม้ด้วยตัวเองมีข้อดีกว่าการซื้อมาดื่ม เพราะนอกจากจะสะอาด ปลอดภัย และได้รสชาติที่ถูกปากแล้วยังได้คุณค่าทางวิตามินและเกลือแร่สูงกว่าอีกด้วย การซื้อน้ำผักผลไม้นอกบ้าน บางร้านค้าอาจมีการเจือสีสังเคราะห์ให้แลดูน่ารับประทาน หรือใาน้ำตาลทรายขาวจำนวนมากโดยมีสัดส่วนของน้ำผักผลไม้จริงๆ เพียงเล็กน้อย แล้วเติมน้ำสผมลงไปเพื่อหวังผลทางกำไร ด้วยเหตุนี้แทนที่ร่างกายจะได้รับวิตามินและเหลือแร่เพื่อมาเสริมสร้างสุขภาพ เราอาจได้รับเพียงแค่น้ำตาลทรายเท่าไหร่
9. เติมมะนาว เพิ่มคุณค่า เพิ่มรสชาติ
มะนาวสามารถแทรกซึมไปได้ในทุกเมนูของเครื่องดื่มแทบทุกชนิด ซึ่งการเติมน้ำมะนาวลงในน้ำผักผลไม้ไปเพียงเล็กน้่อย จะทำให้น้ำผักและผลไม้มีรสชาติละมุนกลมกล่อมมากขึ้น และเป็นการเพิ่มคุณค่าทางวิตามินที่สำคัญสามารถยืดอายุน้ำผักผลไม้ให้ยาวนานขึ้นได้อีกด้วย
10. มิกซ์แอนด์แมทช์ ดับกลิ่นฉุน
น้ำผักใบเขียวส่วนใหญ่จะมีกลิ่นฉุนและแรง ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มน้ำผักเพรียวๆ และไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะปริมาณน้ำที่ได้จาการสกัดแยกกากเกิดจากการนำผักใบเขียวจำนวนมากมาสกัดเป็นน้ำผักอยู่แล้ว นอกจากนี้ควรผสมน้ำผักใบเขียวกับน้ำแครอมหรือน้ำแอปเปิ้ลเพื่อลดกลิ่นฉุนของผัก จะทำให้ดื่มน้ำผักผลไม้ได้ง่ายขึ้น